เราอาจะเคยได้ยินหลนเต้าเจี้ยว หลนปู หลนปล้าร้า คนใต้ก็มีหลนไตปลาเช่นกัน ความหอม เค็มกลมกล่อมนั้นได้จากไตปลา ดังนั้นต้องค่อยๆปรุงความเค็มจากน้ำไตปลาต้ม อย่าใส่หมดเพราะขึ้นอยู่กับความเค็มของไตปลาที่ใช้ หลนที่ใส่เนื้อปู ปลาจะหอมกลิ่นกระชายและขมิ้นเป็นพิเศษ
ไตปลาผัดแห้งเผ็ดเค็มกลมกล่อมกินกับผักเคียงเพลินๆ รสชาติคล้ายคั่วกลิ้ง แต่ใช้เนื้อปลาซาบะหรือปลาโอย่าง แนะนำใช้ปลาซาบะย่างจะเนื้อนุ่มนวลกว่า ถ้าง่ายกว่านั้นสามารถใช้ปลาทูน่ากระป๋องแทนก็ได้ เลือกใช้ไตปลาทูหรือไตปลาทะเลอย่างดีมาต้มกับสมุนไพรให้สุกก่อนแล้วจึงกรอบแต่น้ำออกไปเคี่ยวกับพริกแกงจนหอม ใส่เนื้อปลาที่ย่างแล้วลงไป ผัดให้น้ำเครื่องแกงซึมเข้าเนื้อปลาจนหมด ผัดต่อให้แห้งและหอมเครื่องแกงจึงใส่เม็ดมะม่วงและใบมะกรูดซอย เวลารับประทานเม็ดมะม่วงจะช่วยลดความเผ็ดร้อนแถมหอมๆมันๆในปากอีกด้วย อย่าลืมกินไตปลาผัดแห้งกับผักหลากหลายชนิดนอกจากจะช่วยดับรสเผ็ดร้อนในปากยังช่วยเสริมสุขภาพอีกด้วย
แกงไตปลารสเข้มข้น เผ็ดจัดจ้าน รับประทานกับขนมจีนหรือข้าวสวย พร้อมด้วยผักเคียง เช่น ยอดมะกอก สะตอ ลูกเหรียง แตงกวา ทำตั้งแต่ตำพริกแกงเอง ถ้าใครไม่อยากทำเองสามารถใช้พริกแกงคั่วกลิ้งสำเร็จรูปได้ สิ่งสำคัญอีกอย่างคือเลือกใช้ไตปลาทะเลหรือไตปลาทูอย่างดี กลิ่นจะไม่เหม็นคาวหรือเค็มจัด แกงไตปลารสเผ็ดนำ เค็มแต่กลมกล่อม ตัดรสเค็มด้วยน้ำตาลมะพร้าวและส้มแขกเพียงเล็กน้อย ถ้าไม่มีให้ใช้น้ำมะขามเปียกข้นๆแทน
ห่อหมกทะเลสูตรนี้ได้แรงบันดาลใจมาจาก “ห่อหมกเจ๊ศรี” ร้านรถเข็นที่อยู่แถวตลาดสำเพ็งที่เปิดขายมาอย่างยาวนาน เชื่อว่าคนในตลาดแทบจะไม่มีคนไหนไม่รู้จักห่อหมกเจ๊ศรีเลยก็ว่าได้ ซึ่งก็ได้ไปลองชิมแล้วจึงออกมาเป็นห่อหมกทะเลสูตรนี้
"ขนมปังคัสตาร์ดโยเกิร์ต" เมนูมื้อเช้าง่ายๆ วัตถุดิบน้อยมีเพียงแค่ขนมปัง ไข่และโยเกิร์ตก็ทำได้แล้ว แถมอร่อยกินไม่เบื่อ
'สโคน' หรือ 'สกอน' แล้วแต่ว่าคนจะออกเสียงอย่างไร ขนมกินกับน้ำชายามบ่ายสไตล์คนอังกฤษ หลายคนชอบกิน แต่ไม่รู้ว่าเนื้อที่ถูกต้องของสโคนต้องเป็นอย่างไร ร่วน นุ่มเหมือนเค้ก หรือกรอบนอกฉ่ำใน ความจริงแล้วไม่มีอะไรถูกผิด แล้วแต่ความชอบคนกินที่จะหาซื้อตามร้านที่ถูกจริต แต่ถ้าเรารู้หลักการทำสโคนโดยพื้นฐานและความสำคัญของวัตถุดิบในสโคน เราก็จะสามารถทำสโคนในแบบที่เราชอบได้เลย....สโคนสูตรนี้เป็นสโคนที่เชฟเน็ตนำเสนอ โดยเนื้อสโคนด้านนอกกรอบเล็กน้อย ด้านในเนื้อนุ่มกำลังดีฉ่ำหอมด้วยเนยอย่างดี ดังนั้นเชฟเลือกใช้แป้งสาลีอเนกประสงค์เป็นหลัก (80%ของสัดส่วนแป้งทั้งหมด) เพื่อให้เนื้อนอกกรอบร่วนแถมยังช่วยให้สโคนสีเข้มสวยเนื่องจากเป็นแป้งที่มีโปรตีนสูงระดับหนึ่ง และเลือกใช้ที่เหลืออีก 20%เป็นแป้งเค้กเพื่อช่วยให้สโคนมีเนื้อนุ่มละเอียดรับประทานง่ายขึ้นกับคนไทยค่ะ ส่วนเนยที่เป็นหัวใจสำคัญของสโคนที่อร่อยต้องเป็นเนยสดแท้ไขมัน80%ขึ้นไป เลือกใช้เนยฝรั่งเศสชนิดจืดอย่างดี เพราะรสเค็มของสโคนเราจะใช้วิธีใส่เกลือเข้าไปเพิ่มค่ะ รสเค็มของเกลือจะตัดรสกับความหวานช่วยให้สโคนมีรสชาติขึ้นอย่างน่าประหลาดใจ ส่วนผสมสำคัญอีกอย่างคือผงฟู ที่ช่วยให้สโคนยกตัวฟูขึ้นอย่างสวยงาม ไข่ไก่ช่วยให้สโคนนุ่มนวล มีสีสวย น้ำและโปรตีนในไข่ขาวจะช่วยผสมให้แป้งเป็นเนื้อเดียวกัน นมสดก็เช่นเดียวกันเป็นของเหลวที่ขาดไม่ได้ในสโคน สูตรนี้เพิ่มวิปปิ้งครีมเข้าไปแทนนมเล็กน้อยเพราะต้องการเพิ่มไขมันนมที่ใช้เพื่อให้รสชาติสโคนเข้มข้นขึ้น แต่ไม่ควรใส่วิปปิ้งครีมเยอะจนเกินไป เนื้อสโคนจะแฉะ เวลารับประทานจะติดเพดานปาก
กลับมาอีกครั้งกับเมนูเครื่องดื่มทั้งสายแอลและไม่แอลสามารถทำกินเองได้ง่ายๆที่บ้าน เชื่อว่าเพื่อนๆชาวครัวถูกใจอย่างแน่นอน วันนี้ KRUA.CO ขอเสิร์ฟเมนู “ค็อกเทลต้มยำ” เราได้ทอดอัตลักษณ์ของต้มยำให้ออกมาในรูปแบบเครื่องดื่มค็อกเทล บอกเลยว่าเมนูนี้อร่อยครบเครื่องเรื่องต้มยำอย่างแน่นอน
แกงหอยชักตีนใบยี่หร่า เครื่องแกงรสชาติเข้มข้นหอมกลิ่นใบยี่หร่า หรือใบราที่คนใต้เรียกกัน ใส่หอยชักตีนที่ถือเป็นวัตถุดิบพื้นบ้านของคนใต้ นำมาลวกแกะเอาแต่เนื้อออกมาแกง ใส่พริกขี้หนูและพริกจินดาเพิ่มความเผ็ดร้อนกินคู่กับข้าวสวยร้อนๆ
"ข้าวเกรียบกุ้ง"ขนมทานเล่นที่คนไทยคุ้นเคยเป็นอย่างดี หาซื้อได้ง่ายตามร้านสะดวกซื้อทั่วไป แต่จริงๆแล้วสามารถทำเองได้ง่ายๆ วัตถุดิบน้อย สามารถทำเก็บไว้กินได้นาน อยากกินก็เพียงแค่นำออกมาทอดเพียงเท่านี้ก็จะได้ของทานเล่นเวลาหิวๆ แล้ว
เมนูหอยทอดแบบโบราณ ที่ตัวแป้งจะมีความกรอบนอกนุ่มใน แถมยังปรุงรสมาให้เรียบร้อย รสชาติจัดจ้านโดยไม่ต้องพึ่งซอสพริกแบบหอยทอดปัจจุบัน
เมนูสปาเกตตีที่สุดแสนอร่อย บอกเลยครับว่าความสนุกของเมนูนูนี้คือความดำของซอสที่จะต้องดำเคลือบเส้นให้หมด โดยเฉพาะเวลากินจะต้องติดปากติดฟัน
Sans Rival Cake (เค้กไร้เทียมทาน) อย่าพึ่งตกใจกับชื่อเรียกของเค้กชนิดนี้ที่ทำไมดูเหมือนจอมยุทธหนังจีนยังไงอย่างงั้น แต่ที่จริงแล้วเค้กชนิดนี้มาจากประเทศฟิลิปปินส์ หรือถ้าแปลเป็นภาษาฝรั่งเศสก็คือ No rivals หรือ ไร้คู่แข่ง นั้นเอง ซึ่งเค้กชนิดนี้จะประกอบไปด้วยส่วนประกอบหลักๆอยู่ 2 ส่วนก็คือ ส่วนของเนื้อเค้กที่ไร้แป้งโดยสิ้นเชิง จะประกอบไปด้วยส่วนผสม 3 อย่างเท่านั้นคือไข่ขาว น้ำตาล และถั่ว ซึ่งต้นตำรับก็จะใช้เม็ดมะม่วงหิมพาตน์ เอามาป่นให้ละเอียดแล้วผสมไปกับตัวเมอแรงก์แล้วนำไปอบทำเป็นเนื้อเค้กสลับชั้นกับบัตเตอร์ครีมความเหนียวหนึบของตัวเมอแรงก์เข้ากันได้ดีกับเนื้อบัตเตอร์ครีมที่แทรกอยู่ระหว่างชั้น และที่สำคัญความกรุบกรอบของเม็ดมะม่วงที่โปะคลุมทั่วเนื้อเค้ก ทำให้เวลากินเข้าไปในหนึ่งคำบอกเลยว่าไร้เทียมทานสมชื่อ
สูตรนี้เราจะมาเอาใจสายหมูผัดกระเทียมแบบผัดฉ่ำ หมูหมักนุ่มๆ มีน้ำพอคลุกข้าวกินคู่กับพริกน้ำปลาคืออร่อยเริ่ด เชื่อว่าหลายๆคนต้องเคยกินหมูกระเทียมไม่ว่าร้านอาหารตามสั่งร้านไหนก็จะต้องมีเมนูนี้ การทำหมูกระเทียมนั้นส่วนใหญ่จะจะมีให้เห็นกันอยู่ 2 แบบ นั่นก็คือ แบบผัดฉ่ำที่มีน้ำขลุกขลิกและแบบทอดกรอบแห้งๆ โรยด้วยกระเทียมเจียว
หมูกระเทียมทอดกรอบแห้งๆ โรยด้วยกระเทียมเจียว และสูตรนี้เราจะมาเอาใจสายหมูทอดกระเทียม โรยด้วยกระเทียมเจียวหอมๆ กินคู่กับน้ำจิ้มแจ่วและข้าวเหนียวร้อนๆ เอาข้าวเหนียวจิ้มกระเทียมเจียวตาม อร่อยอย่าบอกใคร
แมงโกกุลฟี (Mango Kulfi) ไอศกรีมนมของคนอินเดียที่เพิ่มความพิเศษโดยการใส่เนื้อมะม่วงสุกที่ปั่นแล้วลงไปผสมอยู่ในเนื้อไอศกรีมด้วย ทำให้เนื้อสัมผัสที่ได้จะมีความครีมๆนมและหวานหอมกลิ่นผลไม้ที่สำคัญไม่ทิ้งเอกลักษณ์ความเป็นอินเดียด้วยการใส่เครื่องเทศอย่างกระวานเขียวและหญ้าฝรั่งลงไปด้วยตอนต้มนมเพื่อให้ได้กลิ่นหอมเล็กน้อย
มาลัยกุลฟี่ (Malai Kulfi) ในสูตรนี้จะมีนมสดชนิดจืด (แบบไขมันสูง) น้ำตาล หัวนมผง (อันนี้เพิ่มกลิ่นหอมนมมากยิ่งขึ้น) กระวานเขียว หญ้าฝรั่น อัลมอนด์ เม็ดมะม่วง และพิตาชิโอ เป็นส่วนผสมหลัก ซึ่งขั้นตอนการทำ มาลัยกุลฟี (Malai Kulfi) ก็ไม่ยาก หลักๆก็คือการนำนมสดไปเคี่ยวให้เกิดความข้น กับน้ำตาลและหัวนมผง ให้ข้นจนเปลี่ยนสี (คล้ายสีนมข้นหวาน) แล้วใส่เครื่องเทศอย่างเม็ดกระวานและหญ้าฝรั่น เคี่ยวให้กลิ่นเครื่องเทศหอม จากนั้นก็นำเม็ดกระวานออก แล้วจึงใส่ถั่วต่างๆอย่างอัลมอนด์ เม็ดมะม่วง และพิตาชิโอ สับให้ละเอียด ลงไปต้มประมาณ 5 นาที ก่อนจะปิดไฟ แล้วพักให้หายร้อนก่อนใส่ลงพิมพ์ที่เตรียมไว้ แล้วนำไปแช่ในช่องฟรีสให้แข็งก่อนเอามากิน เนื้อไอศกรีมที่หวานมันผสมกับการได้สัมผัสของเม็ดถั่วที่ผสมอยู่ในเนื้อไอศกรีมอีกด้วย
พิตาชิโอกุลฟี่ (Pistachio Kulfi) เมนูนี้เพิ่มส่วนผสมสำคัญลงไปอย่างวิปปิ้งครีมและพิตาชิโอ โดยนำนม ครีม และน้ำตาล เคี่ยวให้ข้น ใส่เครื่องเทศอย่างกระวานลงไปเล็กน้อย เพื่อให้ได้กลิ่นจางๆ ปิดท้ายด้วยพิตาชิโอที่ผ่านการต้มให้นุ่มและนำเปลือกที่หุ้มออก ไปปั่นรวมกับส่วนผสมนมข้างต้นให้ได้เป็นเนื้อครีมมันๆ หอมกลิ่นพิตาชิโอ เมนูนี้เรียกได้ว่าถูกใจสายพิตาชิโอเป็นแน่ แต่หากใครจะเปลี่ยนรสชาติของถั่วก็ได้ตามใจชอบเลย
ซาโมซาไส้มังสวิรัติอีกอันที่เป็นที่นิยมไม่แพ้ไส้มันฝรั่งก็คือไส้ปานีร์ เราเอาผักโขมมาผัดกับเครื่องเทศ แล้วใส่ชีสปานีร์ซึ่งเป็นชีสที่นิยมในอาหารอินเดียที่เป็นมังสวิรัติทุกจาน ใส่ชีสมากน้อยแล้วแต่ความชอบ ผัดให้รสออกเค็มๆกลิ่นหอมเครื่องเทศ เมื่อผสมกับปานีร์จะออกมันกลมกล่อมพอดี กินกับน้ำจิ้มชัดนีเปรี้ยวๆอร่อยนักแล
ไส้ซาโมซาที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือไส้มังสวิรัติอย่างมันฝรั่ง บางสูตรจะใส่ถั่วลันเตาเข้าไปกับมันฝรั่งด้วย มันฝรั่งนำไปต้มทั้งหัวจนสุกนุ่ม แล้วจึงเอามาผัดกับเครื่องเทศให้หอม ที่สำคัญมันฝรั่งต้องยังพอให้เห็นเป็นชิ้นเต๋าๆไม่ผัดไปจนนุ่มเละเป็นเนื้อเดียวกัน ไส้ต้องมีกลิ่นเครื่องเทศ ขิงและพริกสด รสเค็ม มีเปรี้ยวอ่อนๆตอนท้าย สูตรนี้ใช้บีบน้ำมะนาวตอนท้าย หรือบางคนจะใส่เครื่องเทศอย่าง chaat masala ที่มีผงมะม่วงหรือผงทับทิมเป็นส่วนผสมก็ให้รสเปรี้ยวสดชื่นได้เช่นกัน
ซาโมซาไส้เนื้อหอมกลิ่นเครื่องเทศอ่อนๆ รสชาติไม่เผ็ดร้อน เคล็ดลับเลือกเนื้อบดติดมันเวลาเอาไปทอดด้านในจะชุ่มฉ่ำกำลังดี ใครไม่มีเครื่องเทศอินเดียอย่างมาซาลา (masala) หรือพริกป่นอินเดีย (Kashmiri chili powder) จะไม่ต้องใส่ก็ได้ หรืออาจใช้พริกขี้หนูป่นแบบไทยแทนได้ แต่ใส่ปริมาณให้น้อยลงเพราะรสเผ็ดกว่า
โมโม่ (momo) เกี๊ยวนึ่งสอดไส้ อาหารจานเด็ดของชาวเนปาล กินเป็นอาหารว่างหรืออาหารจานหลัก รูปลักษณ์ของโมโม่คล้ายเสี่ยวเหลาเปาหรือติ่มซำของจีน ตัวไส้มีการปรุงคล้ายไส้เกี๊ยวซ่า มีทั้งไส้ผักล้วน ไส้ผักผสมชีสและไส้เนื้อสัตว์บดผสมผัก ในไทยจะเจอเนื้อไก่ หมู แกะ ส่วนออริจินอลจะเป็นเนื้อควายหรือเนื้อจามารี เสิร์ฟได้หลายเเบบทั้งเเบบนึ่ง ทอด ราดน้ำแกงเเละเกี๊ยวน้ำ สูตรนี้เป็น โจล โมโม่ (Jhol momo) เกี๊ยวนึ่งสอดไส้ไก่เเละผัก เนื้อชุ่มฉ่ำ ราดด้วยน้ำแกงข้นๆ หอมเครื่องเทศ รสเปรี้ยว หวาน มัน
เมนูเครื่องดื่มสมูทตี้สัญชาติอินเดีย ที่ทุกคนรู้จักกันดีอย่าง “ลาสซี่ (Lassi)” นำมาทำเป็นเมนูอย่าง Mango Lassi หอม หวาน เย็นชื่นใจ รสเปรี้ยวจากโยเกิร์ต หวานจากมะม่วง และที่สำคัญหอมกลิ่นเครื่องเทศอย่างกระวานป่นและอบเชยป่น
เคบับ หรือ กะบับ (kabab) เมนูที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดี แต่สูตรนี้จะว่าคุ้นไหมก็จะไม่ค่อยคุ้นเท่าไหร่ เพราะเราอยากจะทำเคบับที่สามารถทำเองได้ที่บ้าน คล้ายที่ร้านแต่ไม่ต้องไปซื้อร้าน โดยที่มีแค่ตะเกียบและกระทะเท่านั้น และมีสูตรซอสสุดแซ่บที่เข้ากันสุดๆ