ต้มโคล้งโบราณจากเล่มแม่ครัวหัวป่าก์อันเก่าแก่ มีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกับในปัจจุบัน ใช้กะปิ หอมแดง เเละพริกไทยขาวโขลกเป็นเครื่องแกง ใส่เนื้อกุ้ง เนื้อหมูสามชั้นเเละปลาสลิด เติมความหวานจากน้ำสต๊อกเเละหอมแดง ความเปรี้ยวจากน้ำมะขามเปียก รสกลมกล่อมเปรี้ยวเผ็ดร้อนที่ไปด้วยกันได้เป็นอย่างดี
แกงเขียวหวานรสชาติกลมกล่อม ใส่มะเขือม่วงและถั่วลันเตา แทนมะเขือพวงและมะเขือเปราะ เปลี่ยนจากเนื้อไก่หรือเนื้อวัว เป็นกุ้งแทนได้รสชาติที่ถูกปากและไม่แตกต่างจากแบบเดิม
นาทีนี้....ไม่มีอะไรร้อนแรงไปกว่า 'หมูย่างเกาหลี' อีกแล้ว หมูสามชั้นย่างบนกะทะร้อนๆกินคู่ใบงา มาพร้อมเครื่องเคียงหลากหลายทั้งกิมจิ ยำผักเกาหลีหรือแป้งโมจิย่างของยอดฮิต เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มเกาหลีแสนอร่อย
ไข่เค็มแดงนำไปปั่นให้ละเอียดกับน้ำมัน ก่อนนำไปผัดให้หอมกับเครื่องเคล้าต่างๆ ให้หอม ก่อนใส่กุ้งลงผัดแค่พอสุก กินกับข้าวสวยร้อนๆ
แกงระแวง นี้ ถือเป็นแกงโบราณอย่างหนึ่งที่มีมาตั้งแต่สมัยทวาราวดี มีลักษณะคล้ายพะแนง แต่ใช้พริกแกงเขียวหวานที่เติมขมิ้น จึงมีสีสันออกสีเหลืองทอง ใกล้เคียงแกงเขียวหวานผสมแกงขมิ้นหรือแกงกะหรี่ แต่ในส่วนของรสชาตินั้น แกงระแวงจะมีความเข้มข้นกว่า เพราะมีน้ำแกงที่ขลุกขลิก เหมือนกึ่งแกงกึ่งผัด แต่ความข้นเหนียวจะไม่เท่ากับพะแนง พร้อมทั้งมีกลิ่นหอมและรสชาติของตะไคร้ ยี่หร่า ลูกผักชี และขมิ้น ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของเครื่องแกงธีระแวง สำหรับการทำแกงระแวง ส่วนใหญ่จะใช้เนื้อวัวหั่นชิ้นพอคำ นำมาเคี่ยวกับหางกะทิไปเรื่อยๆ จนทำให้น้ำหางกะทิงวดลงจนขลุกขลิก การทำแกงระแวงเนื้อแบบโบราณนั้น ควรเริ่มต้นจากการคัดวัตถุดิบหลักคือ เนื้อวัว โดยเลือกใช้ส่วนที่อร่อยที่สุดอย่าง “แก้มวัว” ที่คนส่วนใหญ่อาจคิดว่ารับประทานไม่ได้ แต่ที่จริงแล้วเป็นส่วนของเนื้อที่มีรสสัมผัสเหนียวนุ่ม สามารถนำมาทำให้อร่อยได้ แถมแก้มวัวยังอุดมไปด้วยคอลลาเจนตามธรรมชาติ ที่เกิดจากการเคี้ยวบดหญ้าตลอดเวลาของวัว ทั้งยังถือเป็นการรักษาคุณค่าของอาหาร
แกงนางลอย กับข้าวชาววัง เป็นแกงประเภทแกงเผ็ดที่เข้ากะทิ ที่มีนางเอกก็คือพริกหยวก สีเขียวอ่อน รสชาติหวานกรอบ ก็นำมาผ่านำเมล็ดพริกและไส้พริกออก นำหมูบดที่ปรุงรสด้วยเกลือและสามเกลอ สอดไส้ใส่ลงไปให้ขนาดพอดีกับพริกหยวก จะใช้ไก่สับหรือหมูสับก็แล้วแต่สะดวก ผัดน้ำพริกแกงกับกะทิ ให้หอมและแตกมัน ปรุงรสด้วย น้ำตาลมะพร้าวและน้ำปลา ให้รสชาติหวาน เค็ม กลมกล่อม นำพริกหยวกที่ยัดไส้มาเคี่ยวกับน้ำแกงเผ็ด รอให้เดือดซักครู่ ตักใส่ถ้วย เสิร์ฟกับข้าวสวยร้อนๆ แกงนางลอย รสชาติ จะหวานนำเค็ม และมีรสกลมกล่อมที่ได้จากกะทิคั้นสด เป็นความอร่อยที่หารับประทานได้ยาก ในยุคปัจจุบันนี้ แต่ก็ยังสามารถทำได้เอง วิธีการทำการแกงไทยโบราณตามตำรับดั้งเดิม ที่ยังคงมีมนต์เสน่ห์ในตัวเอง ให้คนรุ่นใหม่ๆ ได้รู้จักกัน และช่วยกันสืบสาน เพื่อรักษาเอกลักษณ์มรดกทางวัฒนธรรมนี้เอาไว้ไม่ให้สูญหายไปไหน
แกงบุ่มไบ่ เป็นแกงโบราณของไทยที่มีลักษณะคล้ายของแกงอินเดีย นิยมแกงกับไก่หรือเนื้อวัว ใส่เครื่องเทศหลากหลายชนิดที่นำมาโขลกเป็นน้ำพริกแกงบุมไบ่ เช่น พริกไทยขาว ลูกผักชี ขมิ้น ข่า ตะไคร้ หอมแดง และกระเทียม เคี่ยวกับกะทิหอมๆ จนแตกมัน มีกลิ่นหอมจากขมิ้น และเครื่องเทศ รสเปรี้ยวจากมะขามเปียก หวาน และเค็มเล็กน้อย บันทึกเกี่ยวกับแกงไทยโบราณชนิดนี้ที่เก่าที่สุด อยู่ในสมัยรัชกาลที่ 5 นิยมใส่ผักเช่น หอมใหญ่ แตงร้าน มะเขือเทศท้อ หรือมัน แกงบุมไบ่ ปัจจุบัน หารับประทานยาก ด้วยวิธีการการโขลกน้ำพริกแกงที่ต้องสดใหม่นั้นเอง
ชื่อแสนไพเราะของแกงรัญจวนมีที่มาจาก หม่อมเจ้าหญิงแย้มเยื้อน สิงหรา ซึ่งเป็นคนคิดค้นสูตรแกงรัญจวน และตั้งชื่อให้เมนูแกงไทยโบราณ สูตรชาววังจานนี้ว่าแกงรัญจวน สมัยก่อนเจ้านายพระองค์ต่าง ๆ มักจะเสวยอาหารอย่างละนิดละหน่อยเท่านั้น ทำให้กับข้าวซึ่งส่วนมากจะเป็นเนื้อหลงเหลืออยู่เยอะ ฝ่ายห้องครัวจึงนำเนื้อที่เหลือจากสำรับเสวยมาปรุงรสเป็นแกงสูตรใหม่ที่มีชื่อว่าแกงรัญจวนนั่นเอง ส่วนเคล็ดลับสูตรเด็ดของแกงรัญจวนก็ไม่ได้มีขั้นตอนที่ซับซ้อนวุ่นวายนัก เพียงแค่ต้องตำน้ำพริกกะปิให้รสจัด เน้นครบรสทั้งเผ็ด เปรี้ยว และเค็ม จากนั้นก็นำเนื้อหรือหมูมาต้มให้เปื่อยได้ที่ แล้วจึงใส่น้ำพริกกะปิที่เตรียมไว้ลงไป ปรุงรสชาติตามชอบ ตามด้วยใส่ใบโหระพาเพื่อเพิ่มกลิ่นหอมก่อน เสิร์ฟพร้อมข้าวสวยร้อนๆเท่านี้ก็เรียบร้อย
ผัดผักบุ้งไฟแดง ได้ยินชื่อเมนูนี้ต้องนึกถึงข้าวต้มร้อนๆ แน่ๆ ทำข้าวต้มใบเตยร้อนๆ ใช้ข้าวหอมมะลิหอมกับน้ำเเละใส่ใบเตยเพื่อเพิ่มความหอมให้กับข้าวต้ม ส่วนผัดผักบุ้งไฟแดงนั้น ก็ใช้ผักบุ้งจีน ล้างให้สะอาด ใช้มือเด็ดผักบุ้งส่วนที่อ่อน ส่วนที่เหนียวไม่ใช้เพราะจะเหนียว ผัดออกมาไม่อร่อย นำมาผัดกับพริกจินดาเเดง กระเทียม เต้าเจี้ยว ซอสหอยนางรม ด้วยไฟแรง เพื่อเพิ่มความหอมให้เเก่จานนี้
อาหารโบราณแบบดั้งเดิมบางอย่างก็หาทานได้ยากในปัจจุบัน น้อยคนนักที่จะรู้จัก และได้มีโอกาสลิ้มลองอย่าง “แกงระแวง” นี้ ถือเป็นแกงโบราณอย่างหนึ่งที่มีมาตั้งแต่สมัยทวาราวดี มีลักษณะคล้ายพะแนง แต่ใช้พริกแกงเขียวหวานที่เติมขมิ้น จึงมีสีสันออกสีเหลืองทอง ใกล้เคียงแกงเขียวหวานผสมแกงขมิ้นหรือแกงกะหรี่ ในส่วนของรสชาตินั้น แกงระแวงจะมีความเข้มข้นกว่า เพราะมีน้ำแกงที่ขลุกขลิก เหมือนกึ่งแกงกึ่งผัด แต่ความข้นเหนียวจะไม่เท่ากับพะแนง พร้อมทั้งมีกลิ่นหอมและรสชาติของตะไคร้และสมุนไพรต่างๆ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของเครื่องแกงโบราณ
แกงกะหรี่คล้ายกับแกงมัสมั่น เพียงแต่พริกแกงไม่ใส่เครื่องเทศอย่างกานพลู ลูกกระวาน ลูกจันทน์ และอบเชย แต่มาใส่ผงกะหรี่และขิงแทน แกงกะหรี่นิยมแกงกับเนื้อสัตว์ชิ้นใหญ่เช่น ไก่ กุ้งตัวโตๆ เช่น กุ้งชีแฮ้ กุ้งแม่น้ำ ปลาโอ หมูสามชั้น แกงกะหรี่น้ำแกงข้นกำลังดี สีเหลืองแดง เป็นมันขึ้นเงาสีแดงเล็กน้อย กลิ่นหอมเครื่องเทศ รสเค็ม มัน มักเสิร์ฟคู่กับอาจาด สลัด ยำ ของเค็มต่างๆ
เห็ดหลากหลายชนิด เคล้ารวมกันกับแป้งแล้วนำไปทอดพร้อมกับใบเตย กรอบนอกนุ่มในหอมกลิ่นใบเตยอ่อนๆ กินเล่นในยามบ่าย เพลินๆ
อาหารไทยโบราณที่บางคนอาจไม่คุ้นเคย แกงกะทิใส่วุ้นเส้น เห็ดหูหนู ดอกไม้จีน เเละฟองเต้าหู้ ปรุงรสด้วยเกลือ น้ำตาล รสออกหวานเค็มมันกลมกล่อมจากกะทิเเละเครื่องโขลก อาหารโบราณที่ทำง่ายอร่อยถูกใจใครหลายคนเเน่นอน
"เมนูไข่" ธรรมดาที่ไม่ทำธรรมดา นอกจากไข่เจียว ไข่ต้ม ไข่ตุ๋น เรายังสามารถทำเป็น 'ไข่ม้วน' เพิ่มความพิเศษลงไปหน่อยโดยการใส่วุ้นเส้น กุ้งสับ และอะไรอีกนั้น เราไปดูกัน!
อาหารไทยโปรตุเกสโบราณของชาวชุมชนกุฎีจีน คำว่า "สัพแหยก" (สับ-พะ-แหยก) บ้างก็ว่ามาจากคำว่า subject (สับเช่) ในภาษาโปรตุเกสซึ่งแปลว่าคนใต้บังคับ บ้างก็แปลว่าเป็นกิริยาของการสับเนื้อสัตว์ ลักษณะเหมือนไส้กะหรี่ปั๊บเเต่มีกลิ่นเครื่องเทศเเรงกว่า ใส่ผงขมิ้นให้สีเหลือง รสชาติเปรี้ยวนำ เค็ม หวาน สูตรโบราณจะใช้เนื้อวัวสับเเต่ปัจจุบันได้เปลี่ยนมาเป็นเนื้อไก่หรือหมูสับเพื่อให้กินง่ายมากขึ้น จะกินเป็นกับข้าวหรือของว่างก็ได้
เดือนสิงหาคม นอกจากจะเป็นเดือนของคุณแม่แล้วนั้น ยังเป็นเดือนของ “หมึกกระดอง” อ้วนกลมอีกต่างหากเราน่าจะลองเอาหมึกกระดองมาทำอะไรแปลกใหม่ที่ไม่ใช่หมึกกระดองเดิมๆ กินดู โดยการนำเอาเนื้อกุ้งสับกับมันหมูบดมาผสมกัน แล้วปรุงรสให้ออกเค็ม หวาน นิดๆ และมีกลิ่นหอมของน้ำมันงาเล็กน้อย แล้วนำไส้ที่เราทำนั้นมายัดในตัวหมึกเล็กน้อย (อย่าพยายามยัดไส้มากจนเกินไปเพราะเวลานำไปทอดแล้วนั้นไส้จะทะลักออกมามากเกินไป) แล้วนำหมึกที่ยัดไส้แล้วนั้นไปเคล้ากับแป้งเล็กน้อยให้แป้งแค่เคลือบทั่ว ทอดให้หมึกมีสีเหลืองทองและไส้สุกดี ราดด้วยซอสต้นหอมรสชาติจัดจ้านเล็กน้อยไม่ถึงกับเผ็ดจนเกินไป รสชาติกลมกล่อม หอมกลิ่นน้ำมันงาเล็กน้อย
ถ้าใครชอบหนังหมูแบบกรอบ ๆ ต้องมาลองหมูกรอบสูตรหนังกรอบพิเศษ แม้จะกรอบแต่หมูยังนุ่มฉ่ำน่ากินอยู่ มาพร้อมเคล็ดลับการทำหมูกรอบให้อร่อย ยิ่งเห็นภาพหมูกรอบทอดร้อนๆ แล้วยิ่งน้ำลายสอ เสิร์ฟคู่กับน้ำจิ้มแจ่วหรือน้ำจิ้มซีฟู๊ด อร่อยสุดๆ
เครื่องจิ้มไทยที่อยู่คู่บ้านคู่เมืองเรามายาวนานอย่าง "หลน" รสหวานหอมกลมกล่อมส่วนวิธีการทำก็เเสนง่าย หอมหวานกลิ่นกะทิเเละเนื้อกุ้งสับ ใส่เครื่องสมุนไพรเพิ่มกลิ่นหอม ใส่มันกุ้งให้ความมัน นิยมกินกินคู่กับผักสดโดยเฉพาะขมิ้นขาวเเละข้าวสวยร้อนๆ บอกเลยว่าเด็ดมาก
ปลาเห็ดโคนหรือปลาทราย ขนาดกำลังพอดี นำไปหมักกับเครื่องสามเกลออย่างรากผักชี กระเทียม พริกไทย หมักให้เข้าเนื้อปลา จากนั้นนำไปทอดให้กรอบๆ แล้วเอาไปผัดกับเครื่องพริกแกงให้หอม โรยด้วยเครื่องสมุนไพรทอดกรอบต่างๆ
แกงจืดของไทยที่ผสมผสานประโยชน์จากธัญพืชอย่างลูกเดือยเเละไฟเบอร์อย่างผักโขมเข้าด้วยกัน เพิ่มโปรตีนเเละไขมันด้วยเห็ดนางฟ้าเเละน้ำมันมะกอก เป็นเมนูอาหารที่มีคุณค่าครบทั้ง 5 หมู่ กินได้ทั้งครอบครัว เรียกว่าทั้งอร่อยเเละมีคุณค่าทางอาหารสูงอีกด้วย
หอยขม คนเมืองเรียกกันน่ารักๆว่า 'หอยจุ๊บ' เพราะเวลาจะกินเนื้อมันต้องใช้ปากดูดออกมา ระหว่างดูดก็จะได้ยินเสียง "จุ๊บ" กันสนุก หอยขมหากินง่ายช่วงหน้าฝน ได้หอยมาเขาจะเอาแช่น้ำทิ้งไว้ก่อน 1 คืน บางคนใส่พริกขี้หนูทุบพอแตกลงไปด้วย เพื่อให้หอยคลายขี้และดินโคลนออกมา เวลาแกงกินแล้วจะได้ไม่ขม ก่อนแกงจะตัดก้นหอยออก เวลาดูดกินจึงง่าย แกงหอยขมใส่ผักได้หลายชนิด บางถิ่นใส่ผักอย่างแกงแค เรียกสั้นๆว่าแกงแคหอย แต่ขาดไม่ได้เลยคือ ข้าวคั่ว คนเมืองใช้ข้าวสารข้าวเหนียวนำไปคั่วแล้วโขลกละเอียดใส่ในแกง ช่วยทำให้น้ำแกงข้นและมีกลิ่นหอมๆ แกงแคหอยขมมีน้ำขลุกขลิก แต่จะกินให้อร่อยครบรสต้องตักหอยขมขึ้นมาจุ๊บๆ เอาเนื้อมาเคี้ยวเคล้ากับรสน้ำแกง นับเป็นแกงอีกอย่างหนึ่งที่กิ๋นแล้วม่วนดี!
ชิ้นส่วนของไก่อย่างสะโพก กึ๋นไก่ ตับไก่ นำมาผัดคล้ายกับผัดขิงใส่เห็ดหูหนูดำ ผัดกับเครื่องปรุงอย่างน้ำปลา น้ำตาล และน้ำส้มสายชู ผัดให้เข้ากัน กินกับข้าวสวยร้อนๆ